การวาดภาพสีอะครีลิค ทิวทัศน์ทะเล
สีอะครีลิค เป็นสีที่ในปัจจุบัน มีคนหันมาสนใจกันมากขึ้น
ด้วยความที่แห้งเร็ว สามารถซ้ำหรือแก้ไขได้หากเขียนผิด
อุปกรณ์ก็ไม่ยุ่งยากมากมาย ไม่มีกลิ่นเหม็นรบกวน
สามารถเขียนบนวัสดุได้หลากหลาย เช่น ผ้า ไม้ เสื้อยืด กระเป๋า ฯลฯ
ขั้น
ตอนการเขียนภาพสีอะครีลิค มีหลากหลายวิธีตามแต่จะประยุกต์
วิธีที่จะนำเสนอในวันนี้จึงสามารถนำไปประยุกต์ให้เข้ากับความถนัดของแต่ละคน
ครับ เรื่องของสี ก็อย่าไปซีเรียสมากครับ เอาแค่คล้ายๆหรือใกล้เคียงก็พอ
อย่าจำเป็นสูตร เพราะเหล่านั้นสามารถพลิกแพลงและแก้ไขได้
ซึ่งก็เกิดจากประสบการณ์และการฝึกฝนนั่นเอง
รูปที่เอามาเป็นแบบในวันนี้นำมาจาก http://www.photoontour.com จะพยายามบอกให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้นะครับ
ภาพ
ทะเลภาพนี้มีโจทย์ที่มีความต่างกันในภาพ มีทั้งท้องฟ้า ทะเล ก้อนหิน
ต้นไม้ เหล่านี้ เราหนีไม่พ้นในภาพทิวทัศน์ ลองดูนะครับ
เห็นแบบแล้วอย่าพึ่งถอดใจ ลงมือทำก่อนดีกว่า ชิ้นแรกไม่ดี ชิ้นต่อๆไป
ก็จะดีขึ้นมาเอง
1.งาน
ชิ้นนี้ผมจะลองเขียนโดยการรองพื้นภาพนี้ด้วยโทนสีเรียบๆสีเดียวทั้งแผ่น
โดยรองพื้นสีฟ้าอมม่วง (ultramarine+violet+titanium white)
ให้โทนสีใกล้เคียงต้นแบบครับ ทาลงไปทั้งภาพเลยครับ โดยที่ยังไม่ต้องร่างรูป
ผสมน้ำเล็กน้อยให้ทาง่ายขึ้น และสีก็จะลงไปตามซอกผ้าใบได้ง่ายขึ้นด้วย
ผมทาสองรอบครับ โดยรอบแรกต้องรอให้แห้งก่อนนะครับ แล้วจึงค่อยทับรอบสอง (ส่วนใหญ่มือใหม่ เวลาจะแก้งานมักไม่รอให้สีแห้งก่อน ใจร้อน ไปแก้ในขณะที่สียังไม่แห้ง เหนื่อยเปล่านะครับ) ใช้แปรงเบอร์ใหญ่ๆนะครับจะได้เร็วๆ
ซึ่ง
วิธีลงแบบนี้จะเหมาะกับภาพต้นแบบที่มีบรรยากาศโดยรวม
หรือสีส่วนใหญ่ในภาพหนักไปทางโทนใดโทนหนึ่งมากๆ หรือประมาณ 80 % ขึ้นไป
เช่น ภาพดวงอาทิตย์กำลังตกดิน โทนสีโดนรวมจะไปทางแดงส้ม
เราก็รองพื้นด้วยโทนนี้เลยครับ
2.ร่างรูปลงไปครับ เริ่มที่เส้นขอบฟ้าก่อน แล้วตามด้วยวางตำแหน่งต่างๆคร่าวๆครับ
ย้ำ
ว่าคร่าวๆนะครับ ไม่งั้นเราจะคอยแต่ไปเก็บรายละเอียดก่อนอยู่เรื่อย
พอเก็บจนเสร็จที่นึงก็ไปทำอีกที่นึง
ที่นี้ภาพรวมของงานอาจจะเสียและผิดตำแหน่งครับ เราก็ต้องมานั่งลบ
ส่วนที่เราตั้งใจเก็บรายละเอียดไปแล้ว
พอวางตำแหน่งเสร็จแล้วค่อยเริ่มเก็บรายละเอียดไปเรื่อยๆครับ
ทีนี้ก็จะเกิดคำถามขึ้นว่า แล้วจะร่างละเอียดแค่ไหน
เพราะเห็นคลื่นน้ำเป็นฝอยมากมาย ไหนจะต้นไม้ที่ดูยุบยับไปหมด
ซึ่งอันนี้แล้วแต่คนวาดนะครับ
หากเห็นว่าถ้าเราไม่ร่างรายละเอียดดังกล่าวแล้วทำให้เราสามารถลงสีได้ถูก
ต้องโดยไม่ผิดเพี้ยนก็ไม่ต้องร่างครับ
อีก
อย่างนึงมือใหม่มักไม่ชอบร่างรูปครับ เข้าใจครับว่าน่าเบื่อ
แล้วก็กะว่าจะไปแก้ปัญหาอีกทีตอนลงสีใช่ไม๊ครับ อันนี้ไม่แนะนำเลย
แก้ปัญหาตอนร่างรูปง่ายกว่าตอนลงสีไปแล้วมากมายหลายเท่า ตอน
ร่าง รูปผมใช้ดินสอสีม่วงครับ ไม่สกปรกดี
แล้วก็ตัดเส้นด้วยสีอะครีลิคสีม่วงหรือน้ำเงินก็ได้ครับ
จุดประสงค์เพื่อให้เห็นเส้นร่างครับ
ไม่งั้นพอลงสีไปแล้วมันจะไปกลบรอยร่างดินสอจนมองไม่เห็นครับ
3.ขั้น
ต่อไป ภาพทิวทัศน์นิยมวาดจากข้างหลังมาข้างหน้า
แต่ใครจะเริ่มจากข้างหน้าก่อนก็ได้ครับ ไม่ผิดกติกา
ผมใช้ultramarine+violet+titanium white
แต่ใช้ขาวให้มากขึ้นเพื่อทำเป็นเมฆครับ
ทีนี้สีฟ้าที่เป็นพื้นมันดันแห้งแล้ว จะทำไงถึงจะเกลี่ยสีได้
หากเป็นสีน้ำมันขั้นตอนนี้จะเกลี่ยให้นุ่มและกลมกลืนได้ง่ายมาก
ส่วน
สีอะครีลิคผมใช้วิธีปัดแห้งครับ(drybrush) คือจุ่มสีที่จะปัดลงไป
ในที่นี้คือขาวอมฟ้าม่วงนิดๆ เนื้อสีข้นๆโดยไม่ใส่น้ำเลย
จุ่มสีลงไปแล้วคนให้สีติดให้ทั่วขนพู่กัน (ผมใช้ขนแบนเบอร์ 11 ครับ)
แล้ว
เช็ดสีที่ติดอยู่ ให้หมาดจนเกือบแห้งครับ แล้วปัดลงไป
ที่นี้มันจะเหมือนเรากำลังใช้ดินสอในการวาดเส้นแล้วครับ
แรกๆจะคลุมไม่อยู่ครับ ค่อยๆปัดนะครับ ใครใจร้อนจะได้รอยจ้ำเป็นดวงๆมาแทน
พอ
ปัดจนสีเริ่มหมดแล้ว ก็ย้อนกลับไปทำแบบเดิมใหม่ครับ
ชั้นแรกอาจจะปัดแค่แผ่วๆนะครับ เพื่อให้เห็นเป็นเมฆระยะไกลๆ
พอรอบสองปัดให้หนักมืออีกหน่อยก็จะได้ก้อนเมฆที่สว่างมากขึ้น
หรือหากยังสว่างไม่พอก็เพิ่มสีขาวผสมเข้าไป สุดท้าย
ผสมสีเหลืองอมส้ม+ขาวมากๆ เป็นแสงจากดวงอาทิตย์ครับ
วิธีนี้อาจเหมาะกับการวาดลงบนพื้นผิวที่หยาบหน่อยจะทำได้งานกว่านะครับ
พอ
ถึงตรงนี้อาจคิดว่าท้องฟ้าเสร็จแล้ว ยังครับยัง
เราจะไม่ตัดสินว่างานเสร็จแล้วจนกว่าจะเห็นภาพรวมทั้งหมดของรูปครับ
เพราะฉะนั้นท้องฟ้าเป็นเพียงแค่การเขียนภาพรวมจะเพิ่มหรือแก้ไขใดๆต้องตอน
ท้ายว่ากันอีกที
ที่บอกอย่างนี้เพราะไม่อยากให้เราจดจ่อเก็บรายละเอียดมากๆจนเสร็จ
ในภาพนี้ยังมีอีกตั้งหลายสิ่งที่เรายังไม่ได้วาดลงไปเลย
เราจะตัดสินได้อย่างไรในเมื่อเรายังไม่เห็นภาพหรือสีของวัตถุรอบๆเลย อดใจรอหน่อยครับ รู้ว่าอยากเห็นภาพตอนเสร็จเร็วๆ
ขอ
แทรกเรื่องการผสมสีนิดนึงครับ เวลาเราผสมสี
เราควรบีบสีโทนอ่อนออกมาก่อนแล้วค่อยแตะโทนที่เข้มกว่าทีละน้อย เพิ่มลงไป
ยกตัวอย่างก้อนเมฆในภาพนี้ ผมต้องการสีขาวที่อมฟ้าม่วงเล็กน้อยเท่านั้นเอง
ซึ่งหากไม่สังเกตจะมองเห็นเป็นสีขาว ซึ่งในกรณีนี้หากผมบีบสีขาวลงไป
บนสีฟ้าอมม่วงที่รออยู่ในจานสีแล้ว
เราคงต้องหมดสีขาวไปจำนวนมากอย่างแน่นอนกว่าจะได้สีโทนที่ว่า
กลับกันเราลองเปลี่ยนเป็น แตะสีฟ้าม่วงแค่ปลายพู่กัน
แล้วผสมลงในสีขาวที่รออยู่และปริมาณมากกว่า
ก็จะทำงานได้เร็วขึ้นและไม่เปลือง
หรี่ตามองแสงทำอย่างไร?วิธี
หรี่ตามองแสง วิธีนี้จะทำให้เรามองเห็นภาพเป็นเบลอๆเหมือนสายตาสั้นน่ะครับ
รายละเอียดต่างๆจะไม่ชัดเจน
เราจะสามารถเห็นน้ำหนักต่างๆได้ง่ายขึ้นดูตามรูปตัวอย่างประกอบไปด้วยนะครับ
เมื่อเห็นน้ำหนักต่างๆแล้วเราก็จับคู่น้ำหนักที่มีเท่าๆกันเอาไว้แล้วก็
เริ่มลงสีตามตำแหน่งที่เรากำหนดไว้ครับ
พอเราลงน้ำหนักแล้วค่อยเก็บรายละเอียดทีหลังครับ
1.ภาพแรกคือภาพต้นแบบนะครับ จะเห็นว่าหากให้เรามองแสงเงาของต้นไม้และภูเขาจะมองยากมาก ทุกอย่างดูยุ่งเหยิงไปหมด
2.ภาพ
ที่สอง หากเราหรี่ตามองภาพที่ 1 แล้วจะเห็นเป็นแบบนี้ครับ
รายละเอียดต่างๆถูกตัดทิ้งไป จนเหลือแต่แสงเงาในน้ำหนักต่างๆ
เป็นแผ่นชัดเจนขึ้น
3.แสดงภาพให้เห็นง่ายขึ้น
โดยเรานำตำแหน่งของแสงเงาระดับต่างๆที่แยกได้เอาไปกำหนดขอบเขตในงานของเรา
ได้เลยครับ พอเราวางตำแหน่งรวมๆของน้ำหนักได้แล้ว
ค่อยมาเก็บรายละเอียดเล็กน้อยๆอีกทีครับ
ต้นไม้ส่วนล่างผมตัดให้เหลือแค่ 2 น้ำหนักนะครับจะได้ไม่งง แต่ในการวาดจริงๆให้ใส่โทนสว่างไปด้วยจะได้มิติที่มากขึ้นครับ
4.มา
ต่อกันที่น้ำทะเลครับ ผสม ultramarine+violet แล้วเติมน้ำให้จางๆ
เพราะเรารองพื้นด้วยโทนฟ้าแล้วการลงน้ำหนักสีที่เข้มกว่าจึงไม่จำเป็นที่จะ
ต้องใช้สีข้นแต่อย่างใด หรี่ตามองแสงเพื่อดูน้ำหนักของน้ำด้วยนะครับ
ตรงไหนน้ำหนักบางลงก็เพิ่มปริมาณน้ำมากหน่อย
ตรงไหนน้ำหนักเข้มก็เนื้อสีมากขึ้นครับ
5.ต่อ
ไปรองพื้นก้อนหินครับ ผมใช้ yellow ocher+burnt
sienna(เหลืองเข้ม+น้ำตาลแดง) ผสมน้ำจางๆทารองพื้นในส่วนของก้อนหิน โขดหิน
ให้มีน้ำหนักอ่อน-แก่เหมือนกับตอนที่ทำทะเลครับ จับลักษณะเฉยๆนะครับ
ไม่ได้มาเก็บให้เหมือนทุกกระเบียดนิ้ว
ในขั้นตอนนี้สีของพื้นโทนฟ้าก็จะปรากฏขึ้นมาด้วยบางๆ
เป็นการคลุมโทนของภาพไปในตัวครับ
6.
ขั้นตอนต่อไปใช้โทนเดิมครับ แต่+สีน้ำเงินไปด้วย
เพื่อเน้นในส่วนลึกของก้อนหิน เรือ และตรงเนินเขาครับ น้ำหนักอ่อน-แก่ใช้
น้ำผสมเช่นเดิมครับ ตรงส่วนใบไม้ อาจใช้สีจากข้อ
5.มาทำเป็นใบไม้ระยะไกลครับ สังเกตใบไม้นะครับว่าเป็นต้นไม้แบบใด
ในต้นแบบเป็นใบที่ไม่หนาแน่นเลย อย่าแตะเพลินนะครับ
7.นำ
สี yellow ocher+burnt sienna แต่ผสมขาว
ลงไปอีกให้สว่างมากขึ้นระบายในส่วนของด้านแสงของก้อนหิน
ผสมขาวมากน้อยอันนี้ ดูตามภาพต้นแบบนะครับ สังเกตว่า
เวลาระบายผมจะเว้นสีพื้นโทนฟ้าไว้เป็นบางส่วนครับ
มาถึงตอนนี้ผมเริ่มผสมสีเพื่อเก็บรายละเอียดตรงน้ำบางส่วนแล้ว
และรองพื้นรอบแรกก็เสร็จลงครับ
8.เริ่ม
เก็บรายละเอียดครับ อาจจะเกิดคำถามว่าทำไมไม่เขียนทีเดียวเป็นจุด
ให้เสร็จไปเลย สำหรับคนที่ชำนาญสามารถทำได้ครับ
แต่ถ้ามือใหม่จะกำหนดน้ำหนักไม่ได้ ไหนจะเรื่องของสีที่เรายังกังวลมันอยู่
ถ้าเราไม่เห็นโครงสีโดยรวม เราอาจต้องเสียเวลาแก้งานตรงโน้นที
ตรงนั้นทีไม่มีจบครับ
ผมเริ่มเก็บรายละเอียดที่ทะเล โดยตอนนี้เรายังขาดสีเขียวอยู่ ใช้สีเขียว veridian
+ขาว
(หลังจากนี้ไปผมจะใช้สีที่ค่อนข้างจะข้นตลอดจนเสร็จทั้งภาพนะครับ
จะมีบางส่วนที่ใช้สีบางๆบ้าง จะบอกเป็นจุดๆไปครับ) ทาแล้วปัดแห้งลงไปครับ
ไล่ลงมาด้านล่างเรื่อยๆ พอมาถึงตรงฟองคลื่น หรือโทนสว่างก็ใช้สีฟ้า+ขาว
แล้วปัดเช่นเคย ดูแบบและหรี่ตามองแสงเช็คน้ำหนักเช่นเคย
9.ราย
ละเอียดต่อไปครับ เพิ่มน้ำหนักเข้มในน้ำทะเลบ้างครับ โดยใช้น้ำเงิน+น้ำตาล
ผสมน้ำจางๆ ตามด้วยโขดหินที่ใช้yellow ocher+burnt sienna
แต่เนื้อสีข้นหน่อย แตะเป็นบางส่วน
ที่เห็นว่าโทนสีอาจจะยังไม่ได้อย่างที่ต้องการ
(มาถึงตรงนี้ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องทำตามผมทุกขั้นตอนนะครับ
บางคนอาจจะลงสีตรงโขดหินได้สีอย่างที่ต้องการแล้ว
ตรงนี้และครับที่มันไม่ใช่สูตรตายตัว
แต่ละคนต้องดูภาพรวมและความต้องการของแต่ละคน แล้วแก้ไขไปตามสมควรครับ)
แล้ว
นำไปผสมสีขาว เพื่อลงในส่วนของน้ำบางจุดครับ
แล้วก็เอาสีนี้แหละครับไปแต้มตามโขดหินระยะหน้าให้เกิดความสว่างขึ้น
รอให้แห้งซักพัก จังหวะที่รอ ใช้สีขาวแตะฟ้าเทานิดๆ
เน้นส่วนสว่างที่สุดของก้อนหินครับ
สังเกตลักษณะของก้อนหินนะครับไม่ได้มีขนาดเท่าๆกันทุกก้อน
มีใหญ่บ้างเล็กบ้าง ซ้อนกันบ้าง
10.ใช้
น้ำเงิน+น้ำตาล 1:1 แทนสีดำ ผมไม่ใช้ดำล้วน
เพราะสีดำมีความรู้สึกว่าหนักและทึบตันเกินไป
ผมใช้สีดำจริงๆในปริมาณที่น้อยมากๆในการวาดแต่ละรูป และบางรูปก็ไม่ใช้เลย
เอามาเน้นในส่วนที่เป็นซอกลึกๆครับ รวมทั้ง กิ่งไม้ต่างๆ เนินเขา
ดูต้นแบบเยอะๆนะครับ เพื่อดูลักษณะของก้อนหินและต้นไม้ สังเกตว่า ผม
เองก็ไม่ได้เขียนเหมือนแบบทุกอย่าง
ไปเกร็งกับความเหมือนมากเกินไปก็ไม่สนุกและเครียด เอากลางๆพอครับ
จับแต่ลักษณะอย่างเดียวครับ
เรื่องของระยะหน้า-หลังเป็นเรื่องสำคัญในการวาดภาพ
ก้อนหินส่วนหน้าเราก็ควรเน้นให้คมชัดกว่าด้านหน้านะครับ
รวมถึงขนาดก็เป็นสิ่งที่สามารถบอกระยะได้เช่นกัน
11.
เก็บรายละเอียดใบไม้ โดยใช้เขียว viridian+น้ำตาลแดง หรือ yellow ocher
ก็ได้ครับ ผสมน้ำจางๆบ้างในบางจุดเพื่อให้มีน้ำหนักอ่อนแก่
หากน้ำหนักเขียวที่ได้ยังเข้มไม่พอ ลองเติมน้ำเงินไปนิดครับ ลองผสมดูนะครับ
ไม่ลองไม่รู้
12.เก็บ
รายละเอียดที่เรือครับ ใช้น้ำเงินเข้มๆ เขียนรายละเอียดลงไป
ตามด้วยรายละเอียด เล็กๆน้อยๆ โทนฟ้าอ่อน เน้นในส่วนที่เข้มอีกทีในภาพครับ
เช่นกิ่งไม้อาจจะเพิ่มความเข้มอีกรอบครับ ตอนนี้ใกล้เสร็จแล้วครับ
ผมถอยมาดูภาพรวมอีกทีรู้สึกว่าท้องฟ้าด้านบนสุดน่าจะมีน้ำหนักเข้มไล่มาซัก
เล็กน้อย ก็เลยเพิ่มเข้าไป ทำให้มีสีที่พึ่งเพิ่ม ไปทับในก้อนเมฆด้านซ้าย
ก็เลยจัดการวาดเมฆด้านซ้ายซ้ำอีกรอบครับ
และอีกที่ที่ผมยังไม่พอใจคือส่วนของโขดหินสีน้ำตาล
ผมใส่เหลืองมากไปหน่อยเลยเอา ฟ้าม่วง น้ำหนักกลางๆมาปัดให้สีไม่โดดเกินไป
13.
เสร็จแล้วครับ ภาพนี้โดยส่วนใหญ่ผมใช้พู่กันกลม เบอร์ 11 และแบน เบอร์ 20
และแปรงแบนขนาด 3 ซม. ซึ่งเรื่องของขนาดพู่กัน
เป็นความถนัดของแต่ละคนนะครับ
หลักคงเป็นเรื่องของขนาดของพื้นที่และความเหมาะสมในการเลือกขนาดเบอร์
ผมวาดภาพนี้ในขนาด 30x40 ซม. สีที่ผมใช้ผสมกันมั่วไปหมด ทั้งถูกทั้งแพง
ของถูกสีก็จะใสหน่อย ของแพงก็จะได้เนื้อสีที่เข้มข้นครับ
สรุปหลัก
ของการวาดรูปยังไงๆ พื้นฐานวาดเส้นก็เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าหากอยากพัฒนานะครับ
ให้มีความกล้าที่จะลงมือทำ
การลงมือทำผิดบ้างพลาดบ้างอย่างน้อยก็ได้เรียนรู้ได้สัมผัส
ได้เกิดประสบการณ์ อ่านอย่างเดียวดูอย่างเดียวไม่พัฒนาครับ
การ
วาดรูปไม่มีวิธีตายตัว ไม่ว่าจะเป็นวิธีเกลี่ยสี การร่างรูป
หรือแม้กระทั่งรสนิยมในการใช้สี 100 คน 100 แบบ มองอย่างเป็นอิสระ
มองอย่างนอกกรอบบ้าง ก็อาจเกิดมุมมองที่น่าสนใจ
คงคล้ายกับเวลาเรา
ทำอาหารเปิดตำราดูก็แล้ว ใส่ส่วนผสมตามที่ตำราบอกเป๊ะ ทำไมไม่อร่อยเลย
คนทำจึงต้องมีประสบการณ์ประยุกต์และเพิ่มเติมลงไป
จะให้ถูกใจคนทำหรือคนชิมอันนี้คงจะตามสะดวก ของใครของมัน
สูตรใครสูตรมันกันล่ะครับ
สงสัยอะไรเพิ่มเติมโพสถามได้เลยนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น